การสั่งซื้อสินค้าจากAmazon
ตอนแรกก็กรอก email address ของเราจริงๆ แล้วเลือก No, I am a new customer.
แล้วกดปุ่ม Sign in using our secure server ได้เลย
ใส่ชื่อจริงของเรา พิมพ์ email ซ้ำอีกรอบ แล้วก็ใส่รหัสผ่าน 2 ครั้ง แล้วกด Create
account เท่านี้เราก็มี account ของ amazon
ไว้สั่งของเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากนี้พอเราไปที่ amazon.com โดยใช้คอมพิวเตอร์เครื่องที่เราสมัคร ระบบก็จะจำเราได้โดยอัตโนมัติ แต่ไม่ต้องตกใจ เวลาเราจะสั่งของ จะใส่ข้อมูลบัตรเครดิต amazon ก็จะถามรหัสผ่านของเราอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลของเรา
หลังจากนี้พอเราไปที่ amazon.com โดยใช้คอมพิวเตอร์เครื่องที่เราสมัคร ระบบก็จะจำเราได้โดยอัตโนมัติ แต่ไม่ต้องตกใจ เวลาเราจะสั่งของ จะใส่ข้อมูลบัตรเครดิต amazon ก็จะถามรหัสผ่านของเราอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลของเรา
แถบด้านบนของ web amazon มีจุดที่น่าสนใจดังนี้
1) Today's Deals มีดีลประจำวันมาโพสใหม่ทุกวัน ปกติก็ประมาณ 14:00น เวลาเมืองไทย ส่วนช่วงหน้าหนาวก็ 15:00 น
2) Gift Card อันนี้ก็เอาไว้ซื้อบัตรของขวัญใช้แทนบัตรเครดิต มีประโยชน์มากๆ สำหรับพวก Digital Contents เช่น kindle book หรือ android app นะคะ เพราะบางครั้งใช้บัตรเครดิตเมืองไทยซื้อไม่ได้ หรือได้ราคาปกติ ไม่ได้ราคาส่วนลดหรือราคาฟรี (รายละเอียดดูได้ที่กระทู้ปักหมุดเกี่ยวกับฟรี Amazon app)
3) Cart ก็เป็นตะกร้าช๊อปปิ้งของเรา เดี๋ยวจะพูดถึงรายละเอียดอีกที
4) Your Account ก็จะเป็นข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ account ของเรา เดี๋ยวจะลงรายละเอียดอีกที
5) Help อันนี้ไว้ส่ง email คุยกับ Amazon หรือดูรายละเอียดต่างๆ เช่นอัตราค่าขนส่งเป็นต้น
ทีนี้เราจะใส่รายละเอียดที่อยู่ส่งของของเรานะครับ ให้คลิ๊ก Account แล้วก็ Manage Address Book บางที amazon ก็จะถามรหัสผ่านของเรา ก็ให้ใส่รหัสผ่าน แล้วกด Sign in using our secure server
กดปุ่ม Enter a new address ก็จะมีแบบฟอร์มให้เรากรอก ก็ใส่ที่อยู่ตามจริง เวลา amazon ส่งของมาให้เราจะได้ไม่ตกหล่นสูญหาย
1) Today's Deals มีดีลประจำวันมาโพสใหม่ทุกวัน ปกติก็ประมาณ 14:00น เวลาเมืองไทย ส่วนช่วงหน้าหนาวก็ 15:00 น
2) Gift Card อันนี้ก็เอาไว้ซื้อบัตรของขวัญใช้แทนบัตรเครดิต มีประโยชน์มากๆ สำหรับพวก Digital Contents เช่น kindle book หรือ android app นะคะ เพราะบางครั้งใช้บัตรเครดิตเมืองไทยซื้อไม่ได้ หรือได้ราคาปกติ ไม่ได้ราคาส่วนลดหรือราคาฟรี (รายละเอียดดูได้ที่กระทู้ปักหมุดเกี่ยวกับฟรี Amazon app)
3) Cart ก็เป็นตะกร้าช๊อปปิ้งของเรา เดี๋ยวจะพูดถึงรายละเอียดอีกที
4) Your Account ก็จะเป็นข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ account ของเรา เดี๋ยวจะลงรายละเอียดอีกที
5) Help อันนี้ไว้ส่ง email คุยกับ Amazon หรือดูรายละเอียดต่างๆ เช่นอัตราค่าขนส่งเป็นต้น
ทีนี้เราจะใส่รายละเอียดที่อยู่ส่งของของเรานะครับ ให้คลิ๊ก Account แล้วก็ Manage Address Book บางที amazon ก็จะถามรหัสผ่านของเรา ก็ให้ใส่รหัสผ่าน แล้วกด Sign in using our secure server
กดปุ่ม Enter a new address ก็จะมีแบบฟอร์มให้เรากรอก ก็ใส่ที่อยู่ตามจริง เวลา amazon ส่งของมาให้เราจะได้ไม่ตกหล่นสูญหาย
ข้างล่างก็จะมี 2 ปุ่มให้เลือกคือ Save & Add Payment Method
เพื่อบันทึกที่อยู่ของเราแล้วไปที่หน้าใส่ข้อมูลบัตรเครดิตที่จะผูกกับที่อยู่นี้
หรือ Save & Continue เพื่อบันทึกที่อยู่ของเรา
(กรณีเราเคยใส่ข้อมูลบัตรเครดิตไปแล้ว
หรือจะใส่ข้อมูลบัตรเครดิตทีหลัง)
ขอเลือกปุ่มแรก พอกดก็มีแบบฟอร์มให้เรากรอกรายละเอียดบัตรเครดิตของเรา ก็กรอกไปตามจริง
ขอเลือกปุ่มแรก พอกดก็มีแบบฟอร์มให้เรากรอกรายละเอียดบัตรเครดิตของเรา ก็กรอกไปตามจริง
ทีนี้ก็มาถึงที่อยู่ตามบัตรเครดิต
ถ้าเหมือนกับที่อยู่ส่งของที่เรากรอกรายละเอียดไปแล้ว ก็กดปุ่ม Use this address
ได้เลย ถ้าไม่เหมือนก็ใส่ที่อยู่ตามบัตรเครดิต แล้วกดปุ่ม Use this address
ด้านล่างสุด (คนละปุ่มกับปุ่มแรก)
ถ้าใส่รายละเอียดถูกต้อง ก็เป็นอันเรียบร้อย เริ่มต้นช๊อปปิ้งได้
แต่ถ้าใส่รายละเอียดไม่ถูกต้อง
ก็จะมีข้อความขึ้นมาเตือน
ต่อมาก็เริ่มเอาสินค้าใส่ตะกร้าได้เลย จริงๆ แล้ว เราอยากจะซื้ออะไร ก็ search ในช่องค้นหาแล้วหยิบใส่ตะกร้าได้เลย
Bluray 2 เรื่องนี้ใส่ตะกร้าดูนะคะ
http://www.amazon.com/gp/product/B0026L ... B0026L7H20
http://www.amazon.com/gp/product/B0052X ... B0052XI5SO
กด Add to cart ทั้ง 2 เรื่อง จะเห็นว่าแถบบนสุดของเราจำนวนสินค้าในตะกร้าเปลี่ยนจาก 0 เป็น 2 ลองกดเข้าไปดูกัน
ต่อมาก็เริ่มเอาสินค้าใส่ตะกร้าได้เลย จริงๆ แล้ว เราอยากจะซื้ออะไร ก็ search ในช่องค้นหาแล้วหยิบใส่ตะกร้าได้เลย
Bluray 2 เรื่องนี้ใส่ตะกร้าดูนะคะ
http://www.amazon.com/gp/product/B0026L ... B0026L7H20
http://www.amazon.com/gp/product/B0052X ... B0052XI5SO
กด Add to cart ทั้ง 2 เรื่อง จะเห็นว่าแถบบนสุดของเราจำนวนสินค้าในตะกร้าเปลี่ยนจาก 0 เป็น 2 ลองกดเข้าไปดูกัน
ถ้าเราพร้อมจะซื้อก็กดปุ่ม Proceed to checkout
ได้เลย
ถ้าเรายังไม่อยากจะซื้อตอนนี้ กด Save for later เพื่อเอาของพักแล้วนอกตะกร้าเราก่อน เวลาต้องการจะซื้อก็ค่อยใส่กลับเข้ามาในตะกร้า จะได้ไม่ต้องไป search แล้ว add to cart ใหม่ให้เสียเวลา
ถ้าเรายังไม่อยากจะซื้อตอนนี้ กด Save for later เพื่อเอาของพักแล้วนอกตะกร้าเราก่อน เวลาต้องการจะซื้อก็ค่อยใส่กลับเข้ามาในตะกร้า จะได้ไม่ต้องไป search แล้ว add to cart ใหม่ให้เสียเวลา
In stock = มีของอยู่เลย
Eligible for Free Super Shipping (FSS) =
ฟรีค่าส่งในอเมริกา เดี๋ยวจะพูดถึงอันนี้อีกที คร่าวๆ ก็คือถ้าของในตะกร้า ขายโดย
amazon และมูลค่ารวมกันเกิน $25 ก็ฟรีค่าขนส่งในอเมริกาDelete = ลบสินค้าออกจากตะกร้า
ถ้าจะเพิ่มจำนวน ก็แค่เปลี่ยนเลข 1 เป็น 2,3,4 ตามที่ต้องการ แล้วกด Update ราคาของในตะกร้าก็จะเปลี่ยนไปตามจำนวนใหม่
ข้อดีอีกอย่างของการ Save for later ก็คือ เวลาเรากดเข้ามาในตะกร้าของเรา ถ้าราคาของสินค้าแพงขึ้นหรือลดลง amazon จะมีหน้าต่างสีเหลืองมาแจ้งทันทีเลยค่ะ ทำให้เราสามารถทราบความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าที่เรากำลังเล็งไว้ได้ มีประโยชน์มากๆ
สมมุติว่าเราจะซื้อ Lord of the Rings boxset อันเดียว $49.99 นี่ถูกมากๆ
เมืองไทยแพงกว่านี้หลายเท่า ก็กด Proceed to checkout ได้เลย amazon
ก็จะถามรหัสผ่านเหมือนเคย
แล้วก็ขึ้นข้อมูลที่อยู่ส่งสินค้ามา ให้ตรวจสอบดูให้ถูกต้อง แล้วเลือก Ship to this address หรือใส่ที่อยู่ใหม่ที่เราต้องการจะให้ส่งสินค้าให้ (กรณีที่ที่อยู่นั้นยังไม่เคยลงบันทึกไว้กับ amazon)
หน้านี้จะเป็นการเลือกวิธีที่เราจะให้ amazon
ส่งสินค้าในตะกร้าให้
แนะนำให้เลือก Standard International Shipping วิธีนี้ค่าส่งถูกที่สุด คนไทยใช้เยอะที่สุด โอกาสจะโดนเรียกเก็บภาษีศุลกากรน้อยที่สุด แต่ก็ใช้เวลานานที่สุดที่จะได้รับของ เร็วที่สุดที่เคยได้รับของก็ 1 อาทิตย์ ช้าที่สุดก็เดือนครึ่งส่วนมากถ้าสั่งของปลายปีจะได้รับของช้าเพราะคนช๊อปปิ้งกันเยอะ
ส่วนอีก 2 วิธีก็สำหรับพวกใจร้อน ได้ของเร็ว แต่ค่าส่งแพงมากๆ และโดนภาษี 100%
ขั้นตอนสุดท้ายก็แค่ตรวจสอบข้อมูลบัตรเครดิตของเรา กด Continue ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็กดสั่งสินค้า ก็เป็นอันเรียบร้อย amazon จะส่ง email ให้เรา 2 ฉบับ คือทันทีที่เราสั่งสินค้าเสร็จ เอาไว้เป็นหลักฐาน แล้วอีกฉบับหนึ่งก็เวลา amazon ส่งของให้เราเสร็จ ก็จะแจ้งเลขที่พัสดุให้เราทราบ
แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ
สมัคร amazon
ข้อมูลจาก
http://azukikung-amazonassociates.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น